กลายเป็น 1 ปรากฏการณ์ new normal ประเทศไทย การปิดรถไฟฟ้าสกัดการชุมนุมของ “กลุ่มคณะราษฎร 2563” ที่ปักหมุดสถานีรถไฟฟ้าชุมนุมปลดแอกทางการเมือง ทำให้ “รัฐบาล” สั่งปิดสถานที่ รวมทั้งสถานีรถไฟฟ้า MRT และ BTS แต่ด้วยเป็นเส้นทางหลัก จึงหนีไม่พ้นเกิดกระแสไม่พอใจจากการประกาศปิด ๆ เปิด ๆ รถไฟฟ้า แม้ว่าบิ๊ก BTS จะออกมาย้ำ ไม่ได้ปิดตามอำเภอใจก็ตาม ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีใครอยากจะให้เกิด เพราะเสียหาย “ทั้งขึ้น-ทั้งล่อง” ไม่ว่าประชาชนที่มาใช้บริการ ผู้ประกอบการเดินรถที่รายได้ขาดหายไป
เปิดพอร์ตรถไฟฟ้า BTS
จากกระแสม็อบทำให้คนยิ่งอยากจะรู้จัก “รถไฟฟ้าสองสายหลัก” ที่เป็นดั่งเส้นเลือดใหญ่ในการเดินทางของคนกรุง ซึ่งถือกำเนิดคนละเวลา-ใช้สูตรลงทุนคนละรูปแบบ
“รถไฟฟ้าสายสีเขียว” หรือ BTS มี “คีรี กาญจนพาสน์” เป็นผู้เปิดตำนานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายแรกของประเทศไทย ภายใต้ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) โดยยอมควักทุนเอง 100% แลกสัมปทานเดินรถ 30 ปี จากกรุงเทพมหานคร (กทม.) นับจากวันที่ 4 ธ.ค. 2542 ถึงวันที่ 4 ธ.ค. 2572ถือได้ว่ากุมพื้นที่ใจกลางเมือง ระยะทาง 23.5 กม. จากหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ขณะเดียวกันยังรับจ้าง กทม.บริหารจัดการเดินรถส่วนต่อขยาย “อ่อนนุช-แบริ่ง” และ “ตากสิน-บางหว้า” ยาวถึงปี 2585
ลุ้นขยายสัมปทาน 30 ปี
นอกจากนี้รอเซ็นสัมปทานเดินรถสายสีเขียวทั้งโครงการ จะนับต่อจากสัญญาเดิม 30 ปี ตั้งแต่ปี 2572-2602 แลกกับแบกหนี้กว่า 1 แสนล้านแทน กทม. หลังรัฐบาลยกส่วนต่อขยาย “หมอชิต-คูคต” และ “แบริ่ง-สมุทรปราการ” ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้ก่อสร้างให้ กทม. โดยมีเงื่อนไขชำระหนี้ก่อสร้างคืนให้ รฟม.
ด้วยภาระหนี้ก้อนใหญ่ทำให้ กทม.ไม่มีรายได้พอจะมาจ่าย จึงรวบสัมปทานเก่า และใหม่เป็นสัมปทานเดียวกัน เพื่อเปิดให้เอกชนมาร่วมลงทุน แต่เพราะขั้นตอนคัดเลือก PPP ใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี และเพื่อให้การเดินรถต่อเนื่อง จึงเป็นที่มา “รัฐบาล คสช.” ออกคำสั่ง ม.44 ให้เจรจากับเอกชนรายเดิม คือ BTS
หากไม่ถูกแช่แข็ง จะทำให้ “BTS” ได้เดินรถสายสีเขียวเชื่อม 3 จังหวัด “ปทุมธานี-กรุงเทพฯ-สมุทปราการ” ด้วยระยะทาง 68.25 กม. จำนวน 59 สถานี เก็บค่าโดยสาร 15-65 บาท
จากสายสีเขียว “คีรี” สวมบทเจ้าบุญทุ่ม ผนึกพันธมิตร “ซิโน-ไทยฯ” ธุรกิจรับเหมาใต้ปีก “ตระกูลชาญวีรกูล” และ “ราชกรุ๊ป” ยักษ์พลังงาน ทุ่มทุนแสนล้านบาทคว้าสัมปทาน 30 ปี รถไฟฟ้าโมโนเรลสองสายแรกของประเทศไทย คือ “สายสีชมพู” แคราย-มีนบุรี และ “สายสีเหลือง” ลาดพร้าว-สำโรง มาเติมในพอร์ต ป้อนคนจากชานเมืองเข้าสู่ระบบสายสีเขียว รวมถึงยังได้เดินรถ 30 ปี รถไฟฟ้าสายสีทองให้ กทม.อีกด้วย
MRT-ทางด่วนธุรกิจใหญ่ BEM
ฝั่ง “สายสีน้ำเงิน” รถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกของประเทศไทย จาก “บางซื่อ-หัวลำโพง” มี รฟม.เป็นผู้ลงทุนงานโยธา และ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ธุรกิจเครือ ช.การช่าง ภายใต้การนำของ “ปลิว ตรีวิศวเวทย์” ได้สัมปทานเดินรถ ค่ายนี้เติบโตมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ก่อนขยายฐานมาสู่การรับสัมปทานทางด่วน และรถไฟฟ้า ก่อนจะควบรวมธุรกิจทางด่วน-รถไฟฟ้า เป็น บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ในปี 2559 กลายเป็นคู่สัญญารับสัมปทานทางด่วน และรถไฟฟ้ามาถึงปัจจุบัน
“ธุรกิจรถไฟฟ้า” BEM รับสัมปทานเดินรถและพัฒนาเชิงพาณิชย์สายสีน้ำเงิน 25 ปี ตั้งแต่ปี 2547-2572 ยังได้ขยายสัญญาอีก 30 ปี จากลงทุนเดินรถส่วนต่อขยายบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค ที่ รฟม.รวบสัมปทานเก่าและใหม่ ให้ไปสิ้นสุดพร้อมกันในปี 2592 และยังได้สัญญาจ้างเดินรถ 30 ปี สายสีม่วง “เตาปูน-คลองบางไผ่” ไปครองอีกกว่า 8 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ “ธุรกิจทางด่วน” รับสัมปทาน 3 สายทาง ได้แก่ ทางด่วนศรีรัช ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนฯ และทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด ล่าสุดได้ขยายสัญญาสัมปทาน อีก 15 ปี 8 เดือน แลกยุติข้อพิพาทกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จำนวน 17 คดี มีมูลค่าหนี้ 58,873 ล้านบาท
เส้นทางของ “BTS-BEM” ไม่ต่างกัน และต่างต้องการลงทุนในโครงการเป็นสัมปทานของรัฐบาล เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว นอกจากนี้ทั้ง 2 ยักษ์รถไฟฟ้ายังมีคอนเน็กชั่นแนบแน่น ทั้งบิ๊กทุน-บิ๊กราชการ-การเมืองไม่แพ้กันด้วย
ในแง่การลงทุน “BTS” มีกองทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) เป็นเครื่องมือระดมทุน พร้อมกับจัดพอร์ตธุรกิจในเครือ เป็น 4 ขาต่อยอดรถไฟฟ้า ภายใต้ “บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์”
ผลประกอบการปี 2562/2563 มีรายได้รวม 46,206 ล้านบาท มาจากธุรกิจรถไฟฟ้า 80% โฆษณา 15% บริการ 4% และอสังหาริมทรัพย์ 1%
BTS ขยายฐานคลุมทุกโหมด
ปัจจุบันกลุ่มนี้เข้าลงทุนในหุ้นหลากธุรกิจทั้งสื่อโฆษณาที่มี บมจ.วีจีไอ คุมพอร์ตสื่อในบ้านและนอกบ้าน เข้าถือหุ้นใน บจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) และ บมจ.แพลน บี มีเดีย ยังผนึก “เครือสหพัฒน์” ยกร้านลอว์สัน 108 ไปไว้บนสถานี BTS และนำระบบ Rabbit LINE Pay มาบุกตลาดเปย์เมนต์ ยังทุ่ม 1,050 ล้านบาท ถือหุ้นใน บมจ.อาร์เอส
ยังขยายฐานลงทุนคลุมทุกโหมด “บก-ราง-น้ำ-อากาศ” นอกจากรถไฟฟ้า 4 สี “เขียว-ชมพู-เหลือง-ทอง” ได้ยึดหัวหาดระบบเก็บเงินมอเตอร์เวย์ ผนึก “กัลฟ์-ซิโน-ไทยฯ-ราชกรุ๊ป” ดัมพ์ราคากว่า 2 หมื่นล้าน ปาดหน้าคู่แข่ง “BEM” คว้าเค้ก 30 ปี บริหารระบบเก็บเงินมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา และบางใหญ่-กาญจนบุรี ด้วยวงเงิน 39,138 ล้านบาท กำลังรอเซ็นปิดดีล
ร่วมลงขันกับ “บางกอกแอร์เวย์ส-ซิโน-ไทยฯ” ทุ่มสุดตัว 3.05 แสนล้าน รับสัมปทาน 50 ปี สร้างเมืองการบินอู่ตะเภา 6,500 ไร่ พื้นที่ไข่แดงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ยังเข้าไปซื้อหุ้นใน “เรือด่วนเจ้าพระยา” และกำลังศึกษาเข้าไปสู่ธุรกิจรถเมล์
ด้าน “BEM” สถานะการเงินก็แข็งแกร่ง โดยปี 2562 มีรายได้รวม 20,576 ล้านบาท มาจากธุรกิจทางด่วน 60% ระบบราง 30% เชิงพาณิยช์ 5% และอื่น ๆ 5% หลังพ่ายศึกชิงระบบมอเตอร์เวย์ ยังไม่ได้งานเติมเข้ามาในพอร์ต นอกจากรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน วงเงิน 224,544 ล้านบาท ซึ่งร่วมทุนกับกลุ่ม ซี.พี.คว้าสัมปทาน 50 ปี มาครอง
สู้ยิบตาประมูลสายสีส้ม
ปัจจุบัน “BEM” และ “ช.การช่าง” ได้ทุ่มสรรพกำลังชิงสัมปทานสายสีส้ม “บางขุนนนท์-มีนบุรี” เค้กใหญ่ส่งท้ายปี 2563 ที่ รฟม.เปิดให้เอกลงลงทุน 1.28 แสนล้านบาท สร้างช่วงตะวันตก “บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม” แลกสัมปทานเดินรถ 30 ปีตลอดสาย
อุณหภูมิสนามประมูลสายสีส้มกำลังปะทุเดือด หลัง รฟม.เปลี่ยนกติกาพิจารณาผู้ชนะประมูลใหม่ เมืื่อเปิดซองคุณสมบัติ จะเปิดซองเทคนิคควบคู่ข้อเสนอการเงิน และนำคะแนนเทคนิค 30% พิจารณาร่วมกับคะแนนการเงิน 70% ใครให้ประโยชน์รัฐสูงสุดเป็นผู้ชนะ ทำให้ผู้เสนอราคาต่ำสุด ไม่ใช่ผู้ชนะในเกมนี้ จากเดิมไล่เปิดทีละซอง
จากการเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่ ทำให้ “BTS” เปิดศึกแห่งศักดิ์ศรี สู้ยิบตา ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้ใช้เกณฑ์เดิมพิจารณาและขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองชั่วคราวระงับการยื่นซองประมูลจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
ยกแรกศาลมีคำสั่งให้ รฟม.กลับไปใช้เกณฑ์เดิมพิจารณา โดยไม่ระงับกระบวนการประมูล ขณะที่ รฟม.ย้ำไทม์ไลน์ให้ยื่นซองประมูลวันที่ 9 พ.ย.นี้ ควบคู่ใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งทุเลาของ BTS รอคณะกรรมการมาตรา 36 ทุบโต๊ะให้จบก่อนวันยื่นซอง
มีความเป็นไปได้สูงที่การประมูลจะยืดเยื้อ ถึงแม้จะยื่นซองแล้ว แต่การพิจารณาผลผู้ชนะอาจจะ “ถูกดองเค็ม” จนกว่าศาลจะมีคำสั่งตัดสินออกมา
เป็นการเดิมพัน-วัดใจของยักษ์ใหญ่ธุรกิจรถไฟฟ้า ช่วงชิงงานใหญ่แห่งปีที่ สั่นสะเทือนไปทั้งบาง
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ