นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมชะอำ-หัวหินในช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 ส่งสัญญาณเชิงบวกหลังชะลอตัวต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จากการสำรวจพบว่าระหว่าง ม.ค.-ก.ย. 2561 มีคอนโดมิเนียมใหม่เข้าสู่ตลาดรวม 1,041 ยูนิต เพิ่มขึ้น 164 % เทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยอุปทานใหม่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหัวหินและพัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯ ทั้งสิ้น โดยมีข้อสังเกตว่าโครงการใหม่นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา มีเพียง 35% ที่ตั้งอยู่หน้าหาด หรือไม่ไกลจากริมทะเลมากนัก (Seaview Projects)
เนื่องจากที่ดินติดทะเลในชะอำ-หัวหินเริ่มหายากและมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ระยะหลังผู้ประกอบการหันมาสนใจพัฒนาโครงการทำเลในเมืองมากขึ้น โดยชูจุดขายด้านความสะดวกสบายที่รายล้อมโครงการ ตลอดจนรูปแบบโครงการนำเสนอให้สอดคล้องกับความต้องการผู้ซื้อมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขนาดห้อง พื้นที่ใช้สอยในห้อง และพื้นที่ส่วนกลางที่เน้นฟังก์ชั่นกลมกลืนกับบรรยากาศของเมืองตากอากาศ
ในด้านดีมานด์พบว่า สถิติโครงการเปิดใหม่มียอดขายเฉลี่ย 75% โดยทำเลชะอำ-หัวหิน ผู้ซื้อหลักยังคงเป็นชาวไทยที่มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นบ้านพักตากอากาศหรือปล่อยเช่า มากกว่าการซื้อเพื่อเก็งกำไร โดยราคาขายอยู่ที่ 96,000 บาท/ตร.ม. ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากโครงการใหม่อยู่ใน segment และทำเลที่ด้อยกว่า
สถานการณ์ตลาดในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี คาดว่ามีซัพพลายเพิ่มอีก 200-300 หน่วย นับว่าเป็นผลดีในแง่การรักษาสมดุลของตลาดหลังจากผ่านช่วงชะลอตัวมาได้ไม่นาน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่อาจส่งผลลบคือมาตรการสกัดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทย สาระสำคัญบังคับเพิ่มเงินดาวน์ 20-30% ในการซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2-3 เป็นต้นไป มีผลบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน 2562
“คาดการณ์ว่านโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อชาวไทยบางส่วน ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในชะอำ-หัวหินเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศ หรือซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า”
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ