ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง หลังเจอโรมแถลงจุดยืนขึ้นดอกเบี้ย

ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง หลังเจอโรมแถลงจุดยืนขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่เงินบาทยังคงมีทิศทางอ่อนค่าจากกระแสเงินทุนที่ยังคงไหลออก จากการส่งสัญญาณที่ทางเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 0.5% หรือ 0.75% ในการประชุมเดือนกรกฎาคมนี้

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวการณ์เคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราระหว่างวันที่ 20-24 มิถุนายน 2565 ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในตลาดปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับปิดในวันศุกร์ (17/6) โดยเป็นผลจากแรงขายดอลลาร์เพื่อทำกำไรบางส่วนของนักลงทุนภายหลังจากที่การประชุมเฟดเสร็จสิ้นลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ยังคงได้รับแรงหนุนเป็นระยะ ๆ จากการออกมาให้ความเห็นของประธานเฟดสาขาต่าง ๆ ระหว่างสัปดาห์ต่อแนวทางในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต โดยนายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส กล่าวว่า เขาลงมติสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา และเขาจะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในเดือนหน้าอย่างไรก็ดี นายแคชแครีเตือนว่าเฟดจะต้องใช้ความระมัดระวังอย่าปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงเกินไป

ด้านนายทอม บาร์คิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75% ในการประชุมของเฟดในเดือนกรกฎาคม ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม ส่วนการที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งล่าสุดที่ผ่านมา แน่นอนว่าเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ แต่เขาไม่คิดว่าการขึ้้นดอกเบี้ยแรงถึง 0.75% จะกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเฟด

อนึ่ง ตลาดเงินสหรัฐและตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดทำการ 1 วันในวันอังคาร (21/6) ที่ผ่านมา ในวันจูนทีนธ์ (Juncteenth) ก่อนที่จะกลับมาทำการซื้อขายตามปกติในวันพุธ (22/6) โดยมีประเด็นที่ตลาดจับตามองอยู่ที่แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทั้งนี้ในการแถลงวันแรก นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวยืนยันต่อสภาคองเกรสว่า เฟดมีความมุ่งมั่นในการสกัดเงินเฟ้อ และเฟดกำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้เขาย้ำว่า มาตรการคุมเข้มทางการเงินถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ขณะเดียวกันนายพาวเวลล์ยอมรับว่าขณะนี้เงินเฟ้ออยู่ในภาวะที่ร้อนแรงเกินไป และจำเป็นที่จะต้องชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี เมื่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรสตั้งคำถามว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปและรวดเร็วเกินไปนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ นายพาวเวลล์ตอบว่า “มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะถดถอย แม้ว่านั่นจะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เฟดต้องการก็ตาม”

ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเทียบเงินสกุลหลักในวันพฤหัสบดี (23/6) หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ได้แถลงต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 ว่า เฟดมุ่งมั่นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้ออย่างไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากขณะนี้เงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 3 เท่าจากเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างไรก็ดี นายพาวเวลล์ยอมรับว่าการดำเนินการของเฟดมีความเสี่ยงที่จะทำให้อัตราว่างงานสูงขึ้นด้วย

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ (20/6) ที่ระดับ 35.30/32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (17/6) ที่ระดับ 35.24/26 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินบาทยังคงมีทิศทางอ่อนค่าจากกระแสเงินทุนที่ยังคงไหลออกจากการส่งสัญญาณความเป็นไปได้ที่ทางเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 0.5% หรือ 0.75% ในการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคม

ในขณะที่จังหวะการขึ้นดอกเบี้ยของไทยยังคงตามหลังเฟด โดยหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ระบุว่า ณ ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นในการนัดหมายการประชุม กนง. รอบพิเศษเพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย โดยปรับตัวอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 5 ปี 3 เดือน แถวระดับ 35.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐในวันพุธ (22/6) ขณะที่มีการเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์ในกรอบระหว่าง 35.22-35.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดในวันศุกร์ (24/6) ที่ระดับ 35.51/53 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดในวันจันทร์ (20/6) ที่ระดับ 1.0497/99 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อศุกร์ (17/6) ที่ระดับ 1.0512/14 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ตามการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะปรับตัวแข็งค่าขึ้นในช่วงวันอังคาร (21/6) จากการที่นางคริสติน ลาร์การ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรปได้ออกมาให้ความเห็นยืนยันเมื่อวันจันทร์ถึงแผนการที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในฤดูร้อนนี้ เพื่อลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นของประเทศต่าง ๆ ในยูโรโซน และย้ำถึงเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%

อย่างไรก็ดี ค่าเงินยูโรปรับตัวเล็กน้อยหลังจากที่มีการเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของเยอรมนีและฝรั่งเศสปรับตัวลงต่ำกว่าระดับคาดการณ์ ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ในระหว่างสัปดาห์ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวในกรอบ 1.0467-1.0605 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดในวันศุกร์ (17/6) ที่ระดับ 1.0520/25 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน เปิดตลาดเช้าวันจันทร์ (20/6) ที่ระดับ 135.00/02 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (17/6) ที่ระดับ 134.67/69 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ (Ultracasy Monctary Policy) ในการประชุมที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า BOJ ยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่สวนทางกับธนาคารกลางทั่วโลกที่เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

โดยคณะกรรมการ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ประมาณ 0% โดย BOJ ยังคงควบคุมเพดานของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไม่ให้สูงเกิน 0.25% แม้ว่านักลงทุนคาดหวังว่า BOJ จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายได้ส่งผลให้เงินเยนทรุดตัวลงอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ นายชูนิชิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า เขากังวลเรื่องการอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วของเงินเยน และหากจำเป็นก็จะรับกับความเคลื่อนไหวในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ระหว่างสัปดาห์ค่าเงินเยนได้ปรับตัวอ่อนค่าสุดในรอบ 24 ปีเหนือระดับ $136 ในวันพุธ (22/6) จากมุมมองที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สวนทางธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นพิเศษ ซึ่งจะทำให้ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นกว้างขึ้นก่อนจะปรับตัวแข็งค่าบ้างในช่วงปลายสัปดาห์จากการขายทำกำไรของนักลงทุน

โดยค่าเงินเยนมีการเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 134.25-136.71 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดในวันศุกร์ (24/6) ที่ระดับ 134.73/76 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ