“บิ๊กป้อม” รับลูกกระทรวงทรัพยากรฯ ชงแผนแม่บทและยุทธศาสตร์วัสดุก่อสร้างประเภทแร่ 20 ปีเข้าครม. ภาคเอกชนรอความหวังประกาศใช้เพื่อปลดล็อกพ.ร.บ.แร่หลังธุรกรรมหยุดชะงักมานาน
แหล่งข่าวจากสมาคมอุตสาหกรรมย่อยหินไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้แจ้งผลการพิจารณาทบทวนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี (2560-2579) และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ พ.ศ.2560-2564 กลับไปยังกระ ทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2561 แล้ว ล่าสุดพล.อ.ประวิตร วงษ์-สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งคาดว่าจะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในเร็วๆ นี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างประเภทแร่ที่ได้รับผลกระทบต่อธุรกิจก่อสร้างทั้งระบบ
โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสภาการเหมืองแร่ สมาคมอุตสาหกรรมย่อยหินไทย สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย และชมรมสินแร่อุตสาหกรรมและวัสดุก่อ สร้าง ได้พยายามเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงต่อรัฐบาลถึงผลกระทบหลังการประกาศใช้พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2560 แล้วมีผลในการต่ออายุประทานบัตร และขอประทานบัตรใหม่ไม่ได้ เพราะความล่าช้าในการกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ 5 ปีดังกล่าว
“หากไม่เร่งแก้ไขอาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงถึงโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลที่ต้องใช้วัสดุก่อสร้างต่างๆ จำนวนมากอาทิ รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ ท่าเรือนํ้าลึก การขยายและปรับปรุงสนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ฯลฯ นอกจากนี้นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ให้พิจารณาทบทวนถึงการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับระเบียบวิธีปฏิบัติในการทำเหมืองแร่ในที่ดิน ส.ป.ก.อีกด้วย”
หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3383 ระหว่างวันที่ 15 – 18 ก.ค. 2561
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ