คลื่นผู้ประกอบการบริษัทเล็ก รายใหม่รุกนิชมาร์เก็ต เจาะตลาดไฮเอนด์ในทำเลซีบีดี กูรูอสังหาฯชี้พลิกข้อจำกัดที่ดินในเมืองแปลงเล็ก เป็นโอกาสผุดทาวน์โฮม-โฮมออฟฟิศหรู ตอบสนองลูกค้าที่อยากอยู่แนวราบในเมือง แถมไม่ต้องขออนุญาตจัดสรร
จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดี หลังการส่งออกดี และราคาสินค้าเกษตรเริ่มดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความเชื่อมั่นมากขึ้นมาตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2560 เรื่อยมาถึงปี 2561 สะท้อนให้เห็นชัดจากจำนวนการเปิดขายโครงการใหม่ทั้งคอนโดมิเนียม และแนวราบ นอกจากบริษัทชั้นนำที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว ปีนี้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ มีผู้ประกอบการรายใหม่ และบริษัทเล็ก รุกเข้าตลาดพรีเมียมและลักชัวรี พร้อมสร้างสีสันให้กับตลาดอย่างมาก
โดยผู้เล่นรายใหม่ที่เป็นบริษัทเล็กนี้ เน้นพัฒนาโครงการขนาดเล็กจำนวนไม่มากนัก บางรายไม่ถึง 10 หน่วย เพื่อปิดการขายเร็ว โดยเลือกสรรทำเลที่มีศักยภาพ เช่นในย่านซีบีดี แต่อยู่ในซอยเล็ก เป็นการมองหาช่องว่างในตลาด ซึ่งผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีแนวทางการทำตลาดในลักษณะปลาเล็ก ปลาเร็ว ก็มี บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด, บริษัท ทรูลิงค์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท เดวา เรียลเอสเตท จำกัด และในอนาคตจะได้เห็นโครงการขนาดเล็กที่มีการออกแบบ ที่สอดคล้องไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ออกมามากขึ้น
นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า การรุกเข้ามาของบริษัทรายใหม่ ที่เป็นบริษัทรายเล็กนี้ล้อไปกับภาวะเศรษฐกิจ โดยที่กลุ่มนี้จะมีที่ดินอยู่แล้ว แต่แปลงไม่ใหญ่ ก็นำมาพัฒนาโครงการจัดสรรเช่น ทาวน์เฮาส์ แต่จำนวนหน่วยอาจไม่มาก นอกจากนี้ยังมีบางรายที่พยายามทำที่ดินแปลงเล็ก ในซอยเล็กย่านซีบีดี มาทำเป็นทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศสูง 3-4 ชั้น ระดับลักชัวรี ให้ลูกค้าที่อยากอยู่บ้านจัดสรรแทนคอนโดฯในเมือง ได้เปรียบราคากับคอนโดมิเนียมราคา 3 แสนบาทต่อตารางเมตร
“จากข้อจำกัดขนาดที่ดินไม่ใหญ่ ถนนในซอยก็กว้างประมาณ 6 เมตร ทำได้จำนวนไม่ถึง 10 หน่วย ก็ไม่ต้องยื่นขอใบอนุญาตจัดสรร เพียงแต่ขออนุญาตก่อสร้าง ทำให้มีความคล่องตัวในการทำตลาด ที่สำคัญปัจจัยเสี่ยงผู้ลงทุนตํ่ากว่าคอนโดฯ ลักชัวรี ซึ่งต่อไปจะเห็นโครงการลักษณะนี้ออกสู่ตลาดมากขึ้น”
ขณะที่นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย ให้ความเห็นว่า ผู้ประกอบการทุกรายต้องปรับตัวให้เกิดความยืดหยุ่นในโครงสร้างธุรกิจ จากเรื่องที่ดินแพง และกำลังซื้อระดับล่างยังมีปัญหา ค่าครองชีพสูง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรกปีนี้ตลาดเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่เดือนมีนาคม โหมเปิดตัวโครงการอย่างมาก หลังจาก 2 เดือนแรกเปิดโครงการไม่มากนัก ประกอบกับตลาดบนยังไปได้ ทำให้ผู้ประกอบการหันมารุกตลาดพรีเมียมและลักชัวรีกัน
“สำหรับบริษัทรายใหม่และรายเล็กที่ทำตลาดอยู่ในช่วงนี้ เป็นการเจาะกลุ่มตลาดที่ต่างคนต่างทำ เช่นโครงการบ้านหรูในซอยทองหล่อ ที่มีจำนวนไม่กี่หน่วย ซึ่งรายใหญ่ไม่ทำ จะหันไปเน้นโครงการมิกซ์ยูสแทน” นายประเสริฐกล่าวและยํ้าว่า “เมื่อหลายปีก่อนผู้ประกอบการทุกรายมองว่าตลาดกลางดี แต่ตอนหลังก็เริ่มมีปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้น เปลี่ยนมาบุกตลาดไฮเอนด์แทน ซึ่งทั้งดีมานด์และซัพพลายยังเอื้อกันอยู่ คาดว่าจะดีต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีนี้”
ด้านนักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ไตรมาสแรกปีนี้บริษัทรายเล็กและบริษัทหน้าใหม่เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 12 บริษัทรวมทั้งหมด 5,103 หน่วยหรือคิดเป็น 35% ของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายทั้งหมดช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งสัดส่วนของบริษัทรายเล็กและบริษัทหน้าใหม่ถือว่าไม่ได้มากมายเท่าใดนักหากเทียบกับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯในช่วงเดียว ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 14,600 หน่วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,352 วันที่ 29 – 31 มีนาคม พ.ศ. 2561
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ